การออกแบบงานวิจัยด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

  • โดย : รศ. ดร.นพ.กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์, นพ.ธนวินท์ นพโสภณ ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
  • รหัส : CHULAMOOC5022
  • หมู่ :
    สุขภาพ
ลงทะเบียนเรียน

ช่วงเวลาเรียนสำหรับบุคคลทั่วไป

เปิดล่าสุด
รุ่นที่ 2
  • เริ่มลงทะเบียน 5 พฤษภาคม 2566
  • สิ้นสุดการเรียน 30 มิถุนายน 2566
รุ่นที่ 1
  • เริ่มลงทะเบียน 2 เมษายน 2564
  • สิ้นสุดการเรียน 31 พฤษภาคม 2564
เนื้อหา
10 บทเรียน
กลุ่มเป้าหมาย
นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไป จำนวน 5,000 คน
เกณฑ์การเรียนจบ
ผู้เรียนต้องทำคะแนนรวมทั้งหมดให้ได้ร้อยละ 60 ขึ้นไป
แพลตฟอร์ม
myCourseVille

เกี่ยวกับรายวิชา

วิชา การออกแบบงานวิจัยด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นการส่งเสริม รักษา ป้องกัน และฟื้นฟูโรคด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ถูกใช้และสืบทอดติดต่อกันมาเป็นเวลานาน โดยส่วนมากการถ่ายทอดมักเป็นในครอบครัว เครือญาติ ศิษย์อาจารย์ หรือจากตำรามาตรฐาน อย่างไรก็ดี เนื้อหาและความถูกต้องยังไม่ได้รับการพิสูจน์ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์มากเพียงพอ ทำให้การยอมรับด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกยังถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ และไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควรจากแพทย์แผนปัจจุบัน การออกแบบงานวิจัยด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกด้วยมาตรฐานเดียวกับงานวิจัยของแพทย์แผนปัจจุบัน จะช่วยให้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีหลักฐานที่สนับสนุน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการรักษาโรคต่าง ๆ และสามารถคลายข้อกังขาที่มีในอดีตได้

เนื้อหารายวิชา

    เนื้อหารายวิชา การออกแบบงานวิจัยด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ประกอบไปด้วย

    1. การวิจัย การประเมินโครงการ และการพัฒนาคุณภาพ (Research, Program Evaluation, and Quality Improvement)

    ความแตกต่างระหว่างการวิจัย การประเมินโครงการ และการพัฒนาคุณภาพ

    การวิจัยด้านการแพทย์แผนไทย

    ลักษณะพิเศษของสภาการแพทย์แผนไทย

    ความแตกต่างระหว่างสรรพคุณและข้อบ่งใช้

    กรอบแนวคิดในการทำวิจัยด้านการแพทย์แผนไทย

    Interview: กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์


    2. การทบทวนวรรณกรรม (Literature and Systematic Review)

    การทบทวนวรรณกรรมแบบทั่วไป

    ความลำเอียงที่เกิดจากการรายงาน

    การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ

    PRISMA Guideline

    Interview: ปัทมา โพธิสัตย์


    3. การศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Study)

    การรายงานผู้ป่วย

    การรายงานผู้ป่วยหลายราย

    การวิจัยเอกสาร

    CARE, SRQR, COREQ Guidelines


    4. การศึกษาเชิงสังเกต (Observational Study)

    การศึกษาเชิงสังเกตแบบภาคตัดขวาง

    การศึกษาเชิงสังเกตแบบย้อนหลัง

    การศึกษาเชิงสังเกตแบบไปข้างหน้า

    สถิติอย่างง่ายสำหรับการศึกษาเชิงสังเกต

    STROBE Guideline

    Interview: ศิริลักษณ์ สังติ้น Retrospective Observational study

    Interview: โสภิดา แก้วนาหลวง Prospective Observational study


    5. การกำหนดตัวแปรสำหรับการวิจัย (Defining Research Variables)

    การกำหนดตัวแปรต้น

    การกำหนดตัวแปรตาม

    การกำหนดตัวแปรอื่นๆที่เกี่ยวข้อง


    6. การวัดผลลัพธ์​ (Outcome Measurement)

    การวัดผลลัพธ์แบบ Objective

    การวัดผลลัพธ์แบบ Subjective


    7. การวิเคราะห์ข้อมูติทุติยภูมิ (Secondary Data Analysis)


    ความแตกต่างระหว่างข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ

    การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุติยภูมิ

    Interview: ศุศราภรณ์ สามประดิษฐ์


    8. การศึกษาเชิงทดลอง (Experimental Study)


    ความแตกต่างระหว่างการศึกษาเชิงสังเกตและการศึกษาเชิงทดลอง

    สถิติอย่างง่ายสำหรับการเปรียบเทียบผลการรักษา

    การเลือกกลุ่มควบคุม

    CONSORT Statement

    Interview: รศ.นพ.ประเดิมชัย คงคำ


    9. การประเมินผลโครงการและการพัฒนาคุณภาพ (Program Evaluation & Quality Improvement)


    โครงการและวัตถุประสงค์ของโครงการ

    การประเมินผลแบบ Summative

    การประเมินผลแบบ Formative

    การพัฒนาคุณภาพการบริบาลและการบริการ

    SQUIRE, AGREE, RIGHT Guidelines


    10. จริยธรรมการวิจัย (Research Ethics)


    คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์

    การพิจารณาแบบ Exempted / Expedited / Full Board

    Thai Clinical Trial Registry

    Interview: กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์

เกณฑ์การวัดและประเมินผล

มีการวัดและประเมินผลผ่านแบบทดสอบย่อย (Quiz) และแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) โดยจะแบ่งเป็นคะแนนจาก Quiz เท่ากับ 50 คะแนน และคะแนนจาก Posttest เท่ากับ 50 คะแนน ทั้งนี้ผู้เรียนต้องทำคะแนนรวมทั้งหมดให้ได้ร้อยละ 60 ขึ้นไปจึงจะสามารถขอรับ Certificate of Completion ได้

วัตถุประสงค์

    1. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายหลักและวิธีการออกแบบงานวิจัยด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

    2. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายข้อดี ข้อเสีย ของรูปแบบการวิจัย

    3. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายการกำหนดตัวแปรสำหรับงานวิจัย

    4. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายการวัดผลลัพธ์

    5. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายการประเมินโครงการ และการพัฒนาคุณภาพ

    6. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายหลักจริยธรรมการวิจัย

หมายเหตุ

1. ผู้เรียนจะมีสิทธิ์ทำแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมการเรียน (Course Progress) มากกว่า 80% ขึ้นไป

2. ผู้เรียนจะสามารถทำข้อสอบ Posttest ได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

อาจารย์ผู้สอน

    • รศ. ดร.นพ.กฤษณ์ พงศ์พิรุฬห์
    • ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์
    • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก
    • กระทรวงสาธารณสุข